นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภา(อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2556 จำนวน 1,042 ราย ครอบคลุม 42 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ระดับ 94.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 92.9 ในเดือนเมษายน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ ปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นเดือนพฤษภาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน จากการที่เงินบาทอ่อนค่าลง อยู่ในระดับที่ผู้ประกอบการคลายความกังวล ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ผู้ประกอบการมองว่าเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งในเดือนพฤษภาคมมีวันทำงานมากกว่าเดือน เม.ย. อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการก็ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลก การเมืองในประเทศ ความผันผวนของค่าเงินบาทที่กระทบต่อภาคการส่งออก รวมทั้งการบริหารต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนปัญหาการขาดแคลนแรงงานในหลายอุตสาหกรรม
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 99.1 ในเดือนเมษายน ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนพฤษภาคมนี้ คือให้ภาครัฐส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายเพื่อเสริมสภาพคล่อง โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs อีกทั้งพัฒนาและเพิ่มศักยภาพด้านวัตถุดิบ เทคโนโลยี ข้อมูลและช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงทางการเมือง และส่งเสริมการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ผู้ประกอบการมีความกังวลในประเด็นผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมากที่สุด รองลงมา คือ สภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน สถานการณ์การเมืองในประเทศ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นในปัจจัยสภาวะเศรษฐกิจโลกและการเมืองภายในประเทศ
ที่มา หนังสือพิมพ์บ้านเมือง